วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วันนี้ไปซื้อ JR PASS มาครับ มาเล่าสู่กันฟัง

JR PASS



          Japan Rail Pass คือ บัตรโดยสารแบบเหมาจ่ายที่รัฐบาลญี่ปุ่นออกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือบัตรวีซ่าชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว 15-90 วันเท่านั้น (พวกวีซ๋าไปเรียน ไปทำงานอย่าไปซื้อเชียวนะครับ  ซื้อได้แต่ไปถึงแล้วไม่สามารถใช้ได้นะครับ)  สามารถเที่ยวญี่ปุ่นอย่างประหยัด และคุ้มค่า (ชาวญี่ปุ่นเองยังต้องอิจฉากระเหรี่ยงหลงถิ่นอย่างเราๆ อิอิ ) 


ตราประทับ วีซ่าชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น



           โดยสามารถใช้เดินทางโดยรถไฟซึ่งดำเนินการโดย Japan Railways Group (JR Group)  ของรัฐบาลญี่ปุ่นเอง  ซึ่งขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นำระบบคมนาคมที่ก้าวล้ำทันสมัยสุดๆ  นอกเหนือจากรถไฟแล้ว JR Pass ยังสามารถใช้ได้กับ รถบัส รถเมล์ และเรือในเครือ JR บางสาย ได้ด้วย กล่าวคือ  

*1 รถเมล์ JR Hokkaido, JR Tohoku, JR Kanto, JR Tokai , West Japan JR , Chugoku JR , JR Kyushu * เจอาร์เรลพาส 

ไม่สามารถใช้เดินทางโดยใช้รถเมล์ด่วนที ให้บริการโดย JR ได้ 
เรือเฟอร์รี : สามารถใช้โดยสารกับเรือ JR Miyajima ได้เท่านั"น บัตรนี"ไม่สามารถใช้กับเรือ JR Hakata-Pusan (ประเทศเกาหลี) ได้ 

          อย่างไรก็ดี  ยังมีรถไฟบางสายที่ไม่สามารถใช้ JR Pass ได้แก่ รถไฟ Nozomi และ Mizuho ซึ่งวิ่งอยู่บนสาย Tokaido, Sanyo และ ชินคันเซ็นคิวซู (Shinkansen Kyushu) 





          โดยก่อนจะซื้อตั๋ว JR  ควรคำนวณความคุ้มค่าก่อนการใช้ไว้ด้วยเป็นสำคัญ  หากนักเดินทางเป็นประเภทขาลุย  นอนเปลี่ยนเมืองทุกๆวัน ขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปไหนไปกัน นอนบนรถไฟไกลแค่ไหนศรีทนได้ .... อันนี้ซื้อไปเลย คุ้มแน่นอน  แค่ใช่นั่งรถไฟด่วนพิเศษซินคันเซ็น  สักครั้งก็คุ้มมหาศาลแล้ว   ...  

          แต่หากพวกไม่ชอบย้ายกระเป๋า ของพักผ่อนชิลล์ใกล้ๆโรงแรมของฉัน เดินเล่นในเมือง ชมนกชมไม้  อันนี้ไม่ต้องซื้อนะครับ .... ไม่ฉลาดเอาซะเลย  

          มีทั้งแบบ JR ALL AREA PASS  ชนิด 7-14-21 วัน (ใช้ได้ทั้งประเทศ ขึ้นเหนือลงใต้ ไปไหนๆได้หมด)  และ JR ภูมิภาค  เช่น  JR Kyushu, JR Shikoku, JR West, JR Central, JR East และ JR Hokkaido  ให้เลือกกันได้ตามความเหมาะสมของทริปของแต่ละคน

          นอกจากจะแบ่งเป็นหลายชนิดแล้ว  ยังมีที่นั่งให้เลือก  2 ประเภท  คือ
1.  Ordinary  Cars  คือ  ที่นั่งสามัญชน
2.  Green Cars คือ  ที่นั่งชนชั้นอำมาตย์

ในความเห็นของผม จองแค่ สามัญชน Ordinary Cars  พอเท่านั้นนะครับ มันถูกดี !! .... ไปมาต้องหลายครั้ง ยังไม่เคยนั่งซะทีจ้าว  Green Cars อ่ะ ... มันนุ่มกว่ากันแค่ไหนเนี่ย

ถ้าตัดสินใจได้แล้วก็จัดซื้อกันได้เลย

สำหรับ JR ALL AREA PASS** ต้องซื้อไปเลยจากเมืองไทยเท่านั้น .... ไม่มีขายที่ญี่ปุ่น

ส่วน JR ภูมิภาคต่างๆ  จะซื้อไปจากที่ไทยไปเลย หรือ จะไปซื้อที่ญี่ปุ่นก็ได้ครับ ไม่ว่ากัน แต่โดยส่วนตัวผมซื้อที่เมืองไทยไปเลย คุยกันรู้เรื่องดี   โดยเจ้าหน้าที่กรอกเอกสารใบ Exchange Order Voucher  ให้เราเลย (โดยส่วนนี้แนะนำว่า ต้องมี Passport ของนักเดินทางทุกคนนะครับ .... เพราะเจ้าหน้าที่เค้าจะกรอก Voucher ให้ตามชื่อนั้นเป๊ะ สะกดผิดไม่ได้เลยนะครับ เดียวเอาไปใช้ไม่ได้ ซีเรียส) ....



Exchange  Order  Voucher



ข้อสำคัญที่สุด  หากเราซื้อ Exchange Order Voucher ไปจากเมืองไทย .... เราต้องมั่นใจว่าเราจะเดินทางได้ในช่วงไม่เกิน 3 เดือน (บัตรชั่วคราวนี้มีอายุแค่ 3 เดือนหลังวันออกบัตร) หลังจากที่ตัวแทนในไทยได้ออก Voucher ให้เราแล้ว  เช่น ถ้าไปซื้อ Voucher 15 เมษายน ต้องไปแลก ๋ JR Pass ที่ญี่ปุ่นก่อนวันที 14 กรกฎาคมนะครับ

          แล้วพอไปถึงญี่ปุ่น  ก็วิ่งหา  เคาน์เตอร์รูปเก้าอี้นั่งสีเขียว (สำนักงานจองตั๋ว JR   เรียกว่า Midori-no-madoguchi)  ที่สนามบิน หรือ  ที่สถานีใหญ่ๆเท่านั้นนะครับ  เพื่อเอา Exchange  Order Voucher ไปเปลี่ยนเป็นบัตรเบ่ง  JR Rail Pass ตัวจริง (ส่วนตัวก็หาเคานเตอร์ซะเลยตอนอยู่สนามบิน แลกไว้เลย  จะยังไม่เริ่มใช้วันนั้นก็ได้)

         หากการเดินทางนั้นระยะไกลมากๆ  แนะนำให้เจ้าหน้าที่ช่วย Reserve ที่นั่งให้เราได้เลยนะครับ (ส่วนใหญ่เราให้เค้า Reserve ให้ฟรีนะครับ .... ไม่ต้องเสียงตังค์เพิ่ม) ....

คนที่ไม่มี JR Pass หากจะจอง Reserve ที่นั่งจะต้องเสียค่า Reserve ด้วย ค่า Reserve ก็มากใช่ย่อย  ดังนั้นถ้ามีแพลนไปเมืองใกล้ๆ ซื้อ JR Pass ไปเลยนะครับ คุ้มต่าแน่




JR  PASS  บัตรเบ่งตลอดทริป ..... ห้ามหาย

          พอจะใช้วันไหนก็ค่อยให้เจ้าหน้าปั้มวันเริ่มต้น ว่าเริ่มเป็นวันที่ 1 นะ .... เค้าจะสแตมป์ลงบนบัตรว่าวันที่ 1 คือ วันที่เท่าไหร่ ก็ใช้ได้ตามกำหนดเวลาในบัตร .... โดยที่สถานี หลังเริ่มใช้แล้ว  เราไม่ต้องไปซื้อบัตรที่ตู้ใดๆอีกแล้วนะครับ  เดินตรงปรี่เข้าไปหานายตรวจตั๋วได้เลย  จะมีช่องทางพิเศษอยู่ชิดกับตู้เจ้าหน้าที่เลย เปิดวันที่ให้เค้าดู แล้วเค้าจะเปิดประตูพิเศษ  บอกว่า "โดะโซะ โดโซะ"  (คือ  เชิญมรึงเข้าไปได้เลย)  ให้เราเดินลากกระเป๋าผ่านทางพิเศษนี้ฉลุยไปเลย

และที่สำคัญอีกแล้ว คือ  ห้ามทำบัตรหาย  ชำรุดเละเทะ นะครับ ....เพราะเค้าไม่สามารถออกบัตรใหม่ให้ได้นะครับ ..... ถ้าบัตรหายซื้อใหม่สถานเดียวเลย .... หมดสนุกแน่นอน 

ราคาขายของ JR ชนิดต่างๆ  








JR HOKKAIDO  PASS

บัตรมี 4 ชนิด
   A. ชนิดใช้ต่อเนื่องตืดกันทุกวัน  มี 3 แบบ คือ 3, 5, 7 วัน ต่อเนื่องกัน (Consecutive)
   B. ชนิดไม่ต้องใช้ติดกันทุกวัน มี 1 แบบ คือ Flexible 4 days  
      โดยจะนับวันที่เปิดบัตรเป็นวันที่ 1 หลังจากนั้นอีก 3 วันที่เหลือสามารถเลือกวันเองได้ตามใจชอบวันไหนก็ได้  (แต่มีข้อแม้คือ  บัตรจะหมดอายุเมื่อครบ 10 วัน หลังเปิดบัตรแล้ว เช่น เปิดบัตรวันที่  1 เมย บัตรก็จะหมดอายุ 10 เมย นั่นเอง) ....วันไหนอยู่แต่ในเมืองใกล้ๆก็เก็บ JR ไว้..... วันไหนต้องไปต่างเมืองไกลๆ ค่อยควักบัตรออกมาใช้กัน



ในเวปของ JR  HOKKAIDO ได้มีการลองคำนวณราคา ทริปเดินทาง 3 วัน ดังนี้

วันที่ 1  จาก ซัปโปโร นั่งลงไปเที่ยวฮาโกะดาเตะ แล้วไปนานพักที่ ยูนุกาวะออนเซ็น (ใกล้ๆฮาโกะดาเตะ)
วันที่  2 จาก ยูนุกาวะออนเซ็นกลับไปฮาโกะดาเตะ แล้วต่อรถต่อกลับขึ้นมาซัปโปโร เลยไปเที่ยวโอตารุก่อน แล้วกลับมานอนซัปโปโร
วันที่ 3 จากซัปโปโร นั่งรถไฟขึ้นไปเที่ยวอะซาฮิกาวะ ชมสวนสัตว์ แล้วกลับมานอนซัปโปโร


หากซื้อตั๋วแยกเที่ยว 3 วันนี้จะต้องใช้เงินทั้งสิ้น  28,460  เยน

แต่หากซื้อ JR HOKKAIDO ORDINARY 3 days PASS  ราคา  15,430 เยน เท่านั้น ประหยัด 46%

คงไม่ต้องบอกนะว่าจะซื้อ Pass ดีไหม ??



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น