วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558

รีวิว วันที่ 4 Otaru เมืองโอตารุ โรแมนติคที่สุดเลยยอ่ะ

รีวิว วันที่ 4 Otaru เมืองโอตารุ โรแมนติคที่สุดเลยยอ่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง
บทความตอนที่แล้ว

 



แหละแล้วก็มาถึง โอตารุ  เมืองท่าเก่าแก่ที่สวยงาม






ครั้งนี้ เรามานอนโรงแรม Hotel Sonia  
ซึ่งอยู่ริมคลองโอตารุกันเลย 
เรียกว่าจากหน้าต่างห้องเราสามารถเห็นคลองโอตารุกันเลย
วิวโรงแรมนี่   กินขาดเลยทีเดียว.... 

หลังจากวางกระเป๋าที่โรงแรมแล้วก็ไปต่อกันเลย
ที่ตลาดถนนคนเดินของเมืองโอตารุ
ซาไกมาจิโดริ  Sakimachidori

เป้าหมายในตลาดหนีไม่พ้น ร้านชื่อดังทั้งสองที่ของเมืองโอตารุ
ร้านแรก ร้านซอฟ์ฟเค้ก LeTAO
 
มีหลายสาขามากในเมืองโอตารุ เดินไปไหนก็เจอ
ไปแล้วก็ต้องลองกินนะครับ ขนมชื่อ Double Fromage

 
หอมมันส์มาก  ซีสชุ่มเต็มปากเต็มคำ 
เค้กนุ่มละมุนลิ้น
เอาไป สิบดาวววเลย

ร้านต่อมาก็เอแคลร์ยักษ์หรือชูครีม ร้าน Kitakaro
 
ร้านนี้มีให้ชิมฟรีเลย ชอบอะไรก็ซื้อหาติดไม้ติดมือได้นะครับ
อย่าไปถล่มชิมกันอย่างเดียวนะ .... เดี๋ยวเค้าจะว่าเอาได้

แล้วเดินต่อไปที่พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีอันยิ่งใหญ๋ 
Otaru Orgel Main Hall 小樽オルゴール堂本館
มีกล่องดนตรีหลากหลาย วางขาย ชั้นกันเลยทีเดียว

 

ปิดท้ายเรากลับมากิน บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์
มีปูทั้ง แบบ ปูขน  ปูยักษ์  
 ร้าน  “Asakusabashi Beer Hall” 浅草橋ビアホール 
อยู่ในโกดังชื่อว่า   Otaru  Unga Shokudo 小樽運河食堂 




 
 
 


รีวิว วันที่ 3 นั่งสกียางสุดมันส์ที่ Niseko Hanazono แล้วไปต่อ Otaru กัน



รีวิว วันที่ 3 นั่งสกียางสุดมันส์ที่ Niseko Hanazono  แล้วไปต่อ Otaru กัน


 <<  ความเดินตอนที่แล้ว  >> 
รีวิววันที่ สอง ตลาดเช้าฮาโกะดาเตะ แล้วไปนิเซะโกะกันต่อ


ตื่นเช้ามาที่โรงแรมมีอาหารเช้าแบบอเมริกัน 
จำพวกขนมปัง ไข่ออมเล็ต คอนเฟล็กซ์ให้





หลังจากกินเสร็จเราขอให้รถตู้โรงแรมพาไปเล่นสกี
ที่ Niseko Hanazono Ski Resort กันต่อ

(ทางโรงแรมมี รถตู้บริการไปส่งที่รอบๆ 
เช่น Hanazona Hirafu หรือ Kutchan Station)



ทีนี่เพิ่งเปิดน้องใหม่ได้ไม่นาน จึงยังไม่มีนักท่องเที่ยวมากนัก
มีทั้งการเล่นสกี  สเก็ต  นั่งสเลด  นั่งยางลงทางลาด  

โดยตอนแรกเราตั้งใจจะขึ้นกระเช้าเพื่อไปชมวิวยอดเขา
แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ... คุณต้องมีสกีไปด้วย
 ไปตัวเปล่าๆ แบบไปชมวิว ไม่ได้ซะงั้น

สรุปเราเลยได้แค่เล่นการนั่งยางเลื่อนลงจากที่สูง
อย่าถามว่าสนุกไหม ... ลองดูสีหน้าแต่ละคนเอาเองสิ ... อิอิ






งานนี้เด็กๆมีแพ้ผู้ใหญ่บางท่าน ...แข็งแรงมากลากยางเดินขึ้นเองเฉย
ไม่ต้องรอทางเลื่อน .... แข็งแกร่งมาก
เด็กๆ น้ำตาจะไหล ลองเดินตามขึ้นไปบ้าง ถึงขั้นลิ้นห้อย






เสร็จแล้วเราก็ให้ คุณฝรั่งเจ้าของโรงแรมมารับเราที่รีสอร์ท
เพื่อไปส่งที่สถานีคุจัง เนื่องจากเราต้องย้ายที่นอนไปนอนที่โอตารุคืนนี้


ฝรั่งเจ้าของใจดีมากๆ .... เลยถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันซธหน่อย
ถ้าใครจะไปนิเซะโกะ ไปอุดหนุนเค้าได้นะครับ
อบอุ่น และ บริการดีมากปลื้มเลย


ลาก่อน .... นิเซะโกะ แม้อยู่ด้วยกันไม่นาน 
แต่ความรู้สึกดีๆ  ความสนุกสนานยังคงอยู่ในใจเราต่อไป

ไว้จะไปฝึกเล่นสกีมาใหม่นะ แล้วพบกันใหม่ เมื่อชาติญี่ปุ่นต้องการ ห๊า หา หา

รีวิววันที่ 2 ตลาดเช้าฮาโกะดาเตะ แล้วไปนิเซโกะกัน

รีวิววันที่ 2 ตลาดเช้าฮาโกะดาเตะ แล้วไปนิเซโกะกัน



<<  ความเดิมตอนที่แล้ว .... วันที่ หนึ่ง เมืองฮาโกะดาเตะ >>
       http://japancango.blogspot.com/2015/03/hakodate.html




มาสู่เช้าวันที่สองของทริปฮอกไกโด ตื่นตั้งแต่ตีห้า 
(วันทำงานเคยตื่นแบบนี้มั้ย ห๊า หา)

ไปตลาดเช้าอะซาอิจิ Hakodate Morning  Market - Asaichi  กัน 
ตลาดไม่ไกลจากโรงแรม



ออกจากโรงแรม เลี้ยวซ้ายตรงไปที่แยกสถานีฮาโกะดาเตะ
ข้ามไปเลยแล้วเลี้ยวเดินไปทางซ้าย ถึงแล้ว ริมทะเลไง

อาหารขึ้นชื่อคงไม่พ้นซาชิมิ ปลาดิบ จากทะเล
สดมากที่สุด .... เพราะเห็นแหวกว่ายในตู้อยู่ดีๆ

เค้าจับมาเชือดสดๆๆกันเลย 
(แอบโหดไปนิด... ไม่กล้าดูตอนเชือด ของกินอย่างเดียว)

คงมีคนเคยเห็นคลิปเชือดปลาหมึกสดๆ ดิ้นกันในจานกันเลย
(ผมกลัว _+++ please)

อาหารที่เราได้กินมีปลาหมึกสด  ปลาแซมอลดิบ  
ที่เด็ดมี ซุปซีสครีมปูอร่อยเหาะเลยหละ











`หลังจากนั้นเราก็รีบจับรถไฟเที่ยว โมงเพื่อที่จะไปนิเซะโกะสกีรีสอร์ทกัน
โดยเราต้องนั่งรถไฟ  Limited Express Hokuto
 จาก  Hakodate Station  โดยต้องเปลี่ยนรถ 1 ครั้งที่  Oshmaambe 
เป็นรถสาย Local ไป Niseko อีกที`




เราขึ้นรถไฟรอบ 08.30 Oshamamne 09.50  น.
แต่.แล้ว.. เนื่องจากรถไฟที่ต่อเป็นสายท้องถิ่น
มันไม่ได้มีตลอดเวลา 
เป็นอันว่าเราต้องรอแกว่ที่  Oshammaame
นานถึง  3 ชั่วโมงกว่า... รถมา 12.10 น. ที่ชานชาลาที่  4

ทีนี่มีคุณลุงใจดี นายสถานีเดินมาบอกพวกเราว่า 
เอากระเป๋าไปวางหลบหิมะที่หลังคาข้ามบนก่อนไหม 
แล้วก็จัดแจงให้เราวางกองกระเป๋าที่หนักทิ้งไว้

ที่ญี่ปุ่น ... หายห่วง ...ไม่มีขโมยจ้า 
ไม่ต้องกลัวหาย หายห่วง  ทั้งผู้คนก็แสนสุจริต  เจ้าหน้าที่  วงจรปิดอีก
ทิ้งแบบไม่มีคนเฝ้ากันเลยทีเดียว
(หึหึ  ที่เป็นที่อิตาลี คงไม่กล้าทิ้งแบบนี้แน่นอน...#$%*@)


หิมะก็เริ่มตกหนัก แต่เราก็ไม่หวั่นเดินลุยหิมะเล่นซะเลย




แล้วก็หิวอีกแหละ โชคดีที่ได้ร้านราเมนซึ่งเปิด 11.30 น
เราเข้าไปอุดหนุนเป็นเจ้าแรกเลย

เจ้านี้อยู่ด้านหน้าสถานี ข้ามถนน เลี้ยวซ้ายแล้วเจอเลย
ชามใหญ่มาก ช้อนใหญ่มาก
เส้นเยอะมากกินไม่หมด
อย่าถามชื่อร้าน .. เพราะอ่านไม่ออก แต่อร้อยมาก เยอะมาก
(เป็นอันกินเช้า กินเที่ยง มื้อติด ... ยังไม่ได้ทำกิจกรรมใดๆ)

แล้วรถไฟหวานเย็นที่รอคอยก็มาถึง
ขอแชะภาพกันนิด
ยืนยันว่า ...ไม่ได้เต้นแร็พส์ หรือเสียงดังในรถไฟแน่นนอนนะครับ

$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$



รถไฟจะผ่านสถานีนิเซะโกะ ...แต่เราห้ามลงสถานีนี้เด็ดขาด
เพราะเราต้องไปลงสถานี คุจัง Kuchan
ซึ่งเป็นสถานีใหญ่กว่า รถสาธารณะ รถเมล์หลายสาย
ไม่ว่าจะไปนิเซโกะ  แกรน์ ไฮราฟุ  ก็ต้องต่อรถที่นี้

พอถึงสถานี Kuchan พบ จนท. Information Centre ใจดีมาก 
เดินมาบอกเราว่า
ที่พักคุณ Freedom Inn Niseko ไม่สามารถไปโดนรถเมล์ได้


ต้องไปแท็กซี่ ซึ่งเรามา 12 ท่าน ต้องใช้รถ 3 คัน
(ค่าแท็กซี่นับว่าโหดมากครับ ... ถึงที่พักหมดไป 3,500-4,000  เยน ... ปาดเหงือนิ๊ดดดด)
ที่พักไม่แพง .... แต่เสียค่าแท็กซี่ปานตะไทเลยเชียว




ที่พักนี่เจ้าของเป็นคุณผู้ชายที่เป็นฝรั่งผมทอง (ฝรั่งพูดอังกฤษ กับ ภาษาญี่ปุ่นไฟแล็บ) 
ทำไมหรา เพราะเค้ามีภรรยาเป็นญี่ปุ่นไง  (ก็เป็นญี่ปุ่นที่พูดญี่ปุ่น กะ ฝรั่งไฟแล็บเช่นกัน)

เค้าแจ้งว่าคุณมาบ่ายมาก ไปสกีรีสอร์ทคงไม่ทันแหละ 
แต่เค้าจะเอารถตู้ ฟรีๆๆๆ พาเราไปเที่ยวในเมืองนิเซโกะแล้วกัน  
ไปเดินเล่นหาอาหารค่ำ แล้วค่อยกลับมานอนแหละกัน

(ที่นี่อยู่ห่างไกลความเจริญมากนะครับ  ปลีกวิเวกทีเดียว
อย่างที่บอกไม่มีรถเมล์ผ่าน
ต้องแท็กซี่ หรือ  รถตู้ของโรงแรมไปส่งเท่านั้น)

แต่ให้เครดิตเพราะ รถตู้ฟรีนี่แหละ ... เอาใจไปเลย
เราไปเดินเล่นแถวๆ _Niseko Grand Hirafu กัน 







โอเควันนี้คงแค่นี้ก่อน .... พรุ่งนี้ไปตะลุยสกีรีสอร์ทกันนะครับ