วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

แอร์พอร์ตลิงก์เพิ่ม 2 รอบดึก สุวรรณภูมิตรงเข้าพญาไท


แอร์พอร์ตลิงก์เพิ่ม 2 รอบดึก สุวรรณภูมิตรงเข้าพญาไท



เมื่อวันที่ 23 ก.พ.58 นายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่า วันที่ 23 ก.พ.58 เป็นวันคล้ายวันสถาปนาบริษัท ซึ่งในปีนี้ได้ดำเนินกิจการครบรอบ 4 ปี บริษัทจึงได้จัดประกอบพิธีทางศาสนา ณ สถานีรถไฟฟ้ามักกะสัน โดยมี พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ประธานกรรมการบริษัท ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี และผู้บริหารจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม รวมถึงผู้บริหารจากหน่วยงานพันธมิตร ร่วมถวายสังฆทาน และถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 9 รูป นอกจากนี้ บริษัทขอความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอกต่างๆ ร่วมบริจาคเงินเพื่อนำไปร่วมสมทบทุนศิริราชมูลนิธิอีกด้วย
การดำเนินงานเข้าสู่ปีที่ 5 กิจกรรมแรกที่ได้จัดทำ คือ การเพิ่มแผนการเดินรถรอบพิเศษขึ้นอีก 2 รอบ โดยจะให้บริการหลังเที่ยงคืนในรอบ 00.15 น. และ 00.30 น. เพื่อรองรับผู้โดยสารจากการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในช่วง 23.00-01.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้โดยสารหนาแน่น สำหรับรอบพิเศษนี้จะให้บริการสถานีสุวรรณภูมิตรงเข้าสถานีพญาไท โดยไม่จอดรับ-ส่งผู้โดยสารสถานีอื่นๆ ในราคาเที่ยวละ 45 บาท นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานในส่วนของยอดผู้โดยสารในปีที่ผ่านมามียอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 55-56 มียอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 4.56% และจากปี 56-57 เพิ่มขึ้น 9.29% และในปี 58 นี้ ได้ตั้งเป้าของการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารประมาณ 7% (ตามงานศึกษาสถาบันศศินทร์).

จริงๆ  อยากให้มีวิ่งตลอดคืนเลย .... แจ๋วสุดๆ ... ถูกและดี

ขอบคุณ เนื้อหาข่าวจาก  ไทยรัฐฉบับพิมพ์

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วันนี้ไปซื้อ JR PASS มาครับ มาเล่าสู่กันฟัง

JR PASS



          Japan Rail Pass คือ บัตรโดยสารแบบเหมาจ่ายที่รัฐบาลญี่ปุ่นออกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือบัตรวีซ่าชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว 15-90 วันเท่านั้น (พวกวีซ๋าไปเรียน ไปทำงานอย่าไปซื้อเชียวนะครับ  ซื้อได้แต่ไปถึงแล้วไม่สามารถใช้ได้นะครับ)  สามารถเที่ยวญี่ปุ่นอย่างประหยัด และคุ้มค่า (ชาวญี่ปุ่นเองยังต้องอิจฉากระเหรี่ยงหลงถิ่นอย่างเราๆ อิอิ ) 


ตราประทับ วีซ่าชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น



           โดยสามารถใช้เดินทางโดยรถไฟซึ่งดำเนินการโดย Japan Railways Group (JR Group)  ของรัฐบาลญี่ปุ่นเอง  ซึ่งขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นำระบบคมนาคมที่ก้าวล้ำทันสมัยสุดๆ  นอกเหนือจากรถไฟแล้ว JR Pass ยังสามารถใช้ได้กับ รถบัส รถเมล์ และเรือในเครือ JR บางสาย ได้ด้วย กล่าวคือ  

*1 รถเมล์ JR Hokkaido, JR Tohoku, JR Kanto, JR Tokai , West Japan JR , Chugoku JR , JR Kyushu * เจอาร์เรลพาส 

ไม่สามารถใช้เดินทางโดยใช้รถเมล์ด่วนที ให้บริการโดย JR ได้ 
เรือเฟอร์รี : สามารถใช้โดยสารกับเรือ JR Miyajima ได้เท่านั"น บัตรนี"ไม่สามารถใช้กับเรือ JR Hakata-Pusan (ประเทศเกาหลี) ได้ 

          อย่างไรก็ดี  ยังมีรถไฟบางสายที่ไม่สามารถใช้ JR Pass ได้แก่ รถไฟ Nozomi และ Mizuho ซึ่งวิ่งอยู่บนสาย Tokaido, Sanyo และ ชินคันเซ็นคิวซู (Shinkansen Kyushu) 





          โดยก่อนจะซื้อตั๋ว JR  ควรคำนวณความคุ้มค่าก่อนการใช้ไว้ด้วยเป็นสำคัญ  หากนักเดินทางเป็นประเภทขาลุย  นอนเปลี่ยนเมืองทุกๆวัน ขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปไหนไปกัน นอนบนรถไฟไกลแค่ไหนศรีทนได้ .... อันนี้ซื้อไปเลย คุ้มแน่นอน  แค่ใช่นั่งรถไฟด่วนพิเศษซินคันเซ็น  สักครั้งก็คุ้มมหาศาลแล้ว   ...  

          แต่หากพวกไม่ชอบย้ายกระเป๋า ของพักผ่อนชิลล์ใกล้ๆโรงแรมของฉัน เดินเล่นในเมือง ชมนกชมไม้  อันนี้ไม่ต้องซื้อนะครับ .... ไม่ฉลาดเอาซะเลย  

          มีทั้งแบบ JR ALL AREA PASS  ชนิด 7-14-21 วัน (ใช้ได้ทั้งประเทศ ขึ้นเหนือลงใต้ ไปไหนๆได้หมด)  และ JR ภูมิภาค  เช่น  JR Kyushu, JR Shikoku, JR West, JR Central, JR East และ JR Hokkaido  ให้เลือกกันได้ตามความเหมาะสมของทริปของแต่ละคน

          นอกจากจะแบ่งเป็นหลายชนิดแล้ว  ยังมีที่นั่งให้เลือก  2 ประเภท  คือ
1.  Ordinary  Cars  คือ  ที่นั่งสามัญชน
2.  Green Cars คือ  ที่นั่งชนชั้นอำมาตย์

ในความเห็นของผม จองแค่ สามัญชน Ordinary Cars  พอเท่านั้นนะครับ มันถูกดี !! .... ไปมาต้องหลายครั้ง ยังไม่เคยนั่งซะทีจ้าว  Green Cars อ่ะ ... มันนุ่มกว่ากันแค่ไหนเนี่ย

ถ้าตัดสินใจได้แล้วก็จัดซื้อกันได้เลย

สำหรับ JR ALL AREA PASS** ต้องซื้อไปเลยจากเมืองไทยเท่านั้น .... ไม่มีขายที่ญี่ปุ่น

ส่วน JR ภูมิภาคต่างๆ  จะซื้อไปจากที่ไทยไปเลย หรือ จะไปซื้อที่ญี่ปุ่นก็ได้ครับ ไม่ว่ากัน แต่โดยส่วนตัวผมซื้อที่เมืองไทยไปเลย คุยกันรู้เรื่องดี   โดยเจ้าหน้าที่กรอกเอกสารใบ Exchange Order Voucher  ให้เราเลย (โดยส่วนนี้แนะนำว่า ต้องมี Passport ของนักเดินทางทุกคนนะครับ .... เพราะเจ้าหน้าที่เค้าจะกรอก Voucher ให้ตามชื่อนั้นเป๊ะ สะกดผิดไม่ได้เลยนะครับ เดียวเอาไปใช้ไม่ได้ ซีเรียส) ....



Exchange  Order  Voucher



ข้อสำคัญที่สุด  หากเราซื้อ Exchange Order Voucher ไปจากเมืองไทย .... เราต้องมั่นใจว่าเราจะเดินทางได้ในช่วงไม่เกิน 3 เดือน (บัตรชั่วคราวนี้มีอายุแค่ 3 เดือนหลังวันออกบัตร) หลังจากที่ตัวแทนในไทยได้ออก Voucher ให้เราแล้ว  เช่น ถ้าไปซื้อ Voucher 15 เมษายน ต้องไปแลก ๋ JR Pass ที่ญี่ปุ่นก่อนวันที 14 กรกฎาคมนะครับ

          แล้วพอไปถึงญี่ปุ่น  ก็วิ่งหา  เคาน์เตอร์รูปเก้าอี้นั่งสีเขียว (สำนักงานจองตั๋ว JR   เรียกว่า Midori-no-madoguchi)  ที่สนามบิน หรือ  ที่สถานีใหญ่ๆเท่านั้นนะครับ  เพื่อเอา Exchange  Order Voucher ไปเปลี่ยนเป็นบัตรเบ่ง  JR Rail Pass ตัวจริง (ส่วนตัวก็หาเคานเตอร์ซะเลยตอนอยู่สนามบิน แลกไว้เลย  จะยังไม่เริ่มใช้วันนั้นก็ได้)

         หากการเดินทางนั้นระยะไกลมากๆ  แนะนำให้เจ้าหน้าที่ช่วย Reserve ที่นั่งให้เราได้เลยนะครับ (ส่วนใหญ่เราให้เค้า Reserve ให้ฟรีนะครับ .... ไม่ต้องเสียงตังค์เพิ่ม) ....

คนที่ไม่มี JR Pass หากจะจอง Reserve ที่นั่งจะต้องเสียค่า Reserve ด้วย ค่า Reserve ก็มากใช่ย่อย  ดังนั้นถ้ามีแพลนไปเมืองใกล้ๆ ซื้อ JR Pass ไปเลยนะครับ คุ้มต่าแน่




JR  PASS  บัตรเบ่งตลอดทริป ..... ห้ามหาย

          พอจะใช้วันไหนก็ค่อยให้เจ้าหน้าปั้มวันเริ่มต้น ว่าเริ่มเป็นวันที่ 1 นะ .... เค้าจะสแตมป์ลงบนบัตรว่าวันที่ 1 คือ วันที่เท่าไหร่ ก็ใช้ได้ตามกำหนดเวลาในบัตร .... โดยที่สถานี หลังเริ่มใช้แล้ว  เราไม่ต้องไปซื้อบัตรที่ตู้ใดๆอีกแล้วนะครับ  เดินตรงปรี่เข้าไปหานายตรวจตั๋วได้เลย  จะมีช่องทางพิเศษอยู่ชิดกับตู้เจ้าหน้าที่เลย เปิดวันที่ให้เค้าดู แล้วเค้าจะเปิดประตูพิเศษ  บอกว่า "โดะโซะ โดโซะ"  (คือ  เชิญมรึงเข้าไปได้เลย)  ให้เราเดินลากกระเป๋าผ่านทางพิเศษนี้ฉลุยไปเลย

และที่สำคัญอีกแล้ว คือ  ห้ามทำบัตรหาย  ชำรุดเละเทะ นะครับ ....เพราะเค้าไม่สามารถออกบัตรใหม่ให้ได้นะครับ ..... ถ้าบัตรหายซื้อใหม่สถานเดียวเลย .... หมดสนุกแน่นอน 

ราคาขายของ JR ชนิดต่างๆ  








JR HOKKAIDO  PASS

บัตรมี 4 ชนิด
   A. ชนิดใช้ต่อเนื่องตืดกันทุกวัน  มี 3 แบบ คือ 3, 5, 7 วัน ต่อเนื่องกัน (Consecutive)
   B. ชนิดไม่ต้องใช้ติดกันทุกวัน มี 1 แบบ คือ Flexible 4 days  
      โดยจะนับวันที่เปิดบัตรเป็นวันที่ 1 หลังจากนั้นอีก 3 วันที่เหลือสามารถเลือกวันเองได้ตามใจชอบวันไหนก็ได้  (แต่มีข้อแม้คือ  บัตรจะหมดอายุเมื่อครบ 10 วัน หลังเปิดบัตรแล้ว เช่น เปิดบัตรวันที่  1 เมย บัตรก็จะหมดอายุ 10 เมย นั่นเอง) ....วันไหนอยู่แต่ในเมืองใกล้ๆก็เก็บ JR ไว้..... วันไหนต้องไปต่างเมืองไกลๆ ค่อยควักบัตรออกมาใช้กัน



ในเวปของ JR  HOKKAIDO ได้มีการลองคำนวณราคา ทริปเดินทาง 3 วัน ดังนี้

วันที่ 1  จาก ซัปโปโร นั่งลงไปเที่ยวฮาโกะดาเตะ แล้วไปนานพักที่ ยูนุกาวะออนเซ็น (ใกล้ๆฮาโกะดาเตะ)
วันที่  2 จาก ยูนุกาวะออนเซ็นกลับไปฮาโกะดาเตะ แล้วต่อรถต่อกลับขึ้นมาซัปโปโร เลยไปเที่ยวโอตารุก่อน แล้วกลับมานอนซัปโปโร
วันที่ 3 จากซัปโปโร นั่งรถไฟขึ้นไปเที่ยวอะซาฮิกาวะ ชมสวนสัตว์ แล้วกลับมานอนซัปโปโร


หากซื้อตั๋วแยกเที่ยว 3 วันนี้จะต้องใช้เงินทั้งสิ้น  28,460  เยน

แต่หากซื้อ JR HOKKAIDO ORDINARY 3 days PASS  ราคา  15,430 เยน เท่านั้น ประหยัด 46%

คงไม่ต้องบอกนะว่าจะซื้อ Pass ดีไหม ??



วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Toya ทะเลสาปโทยะ

Toya  ทะเลสาปโทยะ


หากใครเคยไปเที่ยวโตเกียว คงไม่พลาดที่จะไปแข่ออนเซ็นที่เมือง Kawaguchiko มีทะเลสาปคาวากุชิโกะบนฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ  สวยสะดุดใจเลยทีเดียว




แต่ทริปนี้เราพามาเที่ยวเกาะฮอกไกโด แล้วเกิดอยากจะไปแช่ออนเซ็นท่ามกลางบรรยากาศชิวๆ  (คล้ายแบบที่ Kawaguchiko)  แล้วเราควรจะไปที่ไหนดี (ให้รู้สึกหายคัน)   วันนี้เราจึงแนะนำมาที่  นั่นคือ  ทะเลสาปโทยะ  นั่นเอง


เดินทางจากซัปโปโร Limited HOKUTO สาย Muroran  มาลงที่ JR  Toya  2 ชั่วโมง  หรือ  ถ้ามาจาก ฮาโกะดาเตะ  นั่งสาย Super HOKUTO เส้น Muroran  มาลงที่ JR  Toya  1.40 ชั่วโมง



ออนเซ็นท่ามกลางบรรยากาศทะเลสาปโทยะ  (Toya  Onsen) 



ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิน้อย Mt. Yotei  และมีเกาะ Nakajima  อยู่กลางทะเลสาปสวยงดงามมาก  นอกจากนั้น ยังได้ชมภูเขาไฟที่ยังครุกกรุ่น คือ  ภูเขาไฟอุซุ Mt. Uzu และ ภูเขาไฟโซวะ  Showa-shinzan  สวยงามขนาดที่ได้รับหน้าที่ให้เป็นที่ประชุมผู้นำเศรษฐกิจโลกกลุ่ม G-7 เลยทีเดียว



สามารถนั่งเรือในทะเลสาปโทยะ 
ในฤดูหนาว น้ำในทะเลสาปนี้จะไม่แข็งเป็นน้ำแข็ง  ยังสามารถมาพักผ่อนแช่ออนเซ็น ขับจักรยานชมวิว ล่องเรือพักผ่อนได้   โดยเรือจะออกจากท่า  Nakanoshima หลังโรงแรม Grand Toya ล่องไปเกาะนากาจิมะกลางทะเลสาป (สามารถเดินขึ้นชมบนเกาะได้ ยกเว้นในหน้าหนาว)  ใ้ช้้เวลาประมาณ 50 นาที  ราคา 1,320 เยน
www.toyakokisen.com/price/pdf/map2.pdf   ในเวปนี้มีบัตรลด  10%

 Volcano  Science  Museum / Visitor Centre 




จาก Bus terminal  เดินแค่ 1 บล็อกจะพบกับ Visitor Centre และถึงที่เที่ยว  Volcano  Science  Museum / Visitor Centre  จำลองเหตุการณ์การปะทุของภูเขาไฟอุซุทีระเบิดปี 1977-2000  แสดงซากรถยนต์  บ้านเรือนที่หลงเหลือจากเหตุการณ์นั้นด้วย  สามารถสัมผัสไอร้อนจำลองจากปากปล่อง Nishiyama ได้ด้วย  
ราคา 600 เยน  09.00 - 17.00 น.
http://www.toyako-vc.jp/en/volcano/


นั่งกระเช้าขึ้นชมยอดปล่องภูเขาไฟอุซุ
ใช้เดินทางต่อประมาณ 10 นาทีจนถึงปากปล่องภูเขาไฟ  ระหว่างการนั่งขึ้นกระเช้า มองลงมาเห็นวิวทะเลสาปโทยะ และ ภูเขาโชวะชินซังได้  โดยหากมาจาก Toyako Onsen สามารถเหมาแท็กซ๊่มาที่สถานีรถกระเช้า  3,000 เยน  ใช้เวลา 15 นาที หรือ สามารถขึ้น  Donan Bus ราคา 330 เยน แต่รอบรถจำนวนน้อยกว่าแค่ 4 รอบต่อวัน วิ่งช่วง 10.00-16.00 น.



Noboribetsu and Jigokudani โนโบริเบ็ตสึ และ หุบเขานรก จิโกคุดานิ

Noboribetsu  and Jigokudani 

โนโบริเบ็ตสึ และ หุบเขานรก จิโกคุดานิ  



          วันนี้พาไปเที่ยวเมืองออนเซ็นโนโบริเบ็ตสึ ไม่ไกลจากซัปโปโร   นั่งรถไฟด่วนสาย  Limited Express  HOKUTO ถึง  JR Noboribetsu  1.20 ชั่วโมง  หรือ จาก JR สาย Chitose ลงที่สถานี JR Tomakomai แล้วต่อรถไฟสาย  JR Muroran ไปลงที่ JR Noboribetsu ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ


   เมืองโนโบริเบ็ตสึออนเซ็น


          เป็นแหล่งออนเซ็น ที่ไม่ไกลจากเมืองซัปโปโร  มีน้ำแร่มากกว่า 9 ชนิด  ห่างจาก JR Noboribetsu ราว 6 กิโลเมตร (นั่งรถบัส Chou  Noboribetsu Onsen  จากสถานี JR ไปเมืองออนเซ็น 15 นาที  330 เยน หรือ แท็กซี่ 2,000 เยน)

  หุบเขาจิโกคุดานิ หรือ หุบเขานรก Hell Valley  



          อยู่ในอุทยานแห่งชาติ Shikotsu-Toya เนื่องจากเต็มไปด้วยบ่อโคลน  บ่อน้ำพุร้อนปุดๆ กลิ่นกำมะถันหอมชื่นใจ  555   มีเส้นทางธรรมชาติเดินขึ้นไปศึกษาธรรมาชาติ ซึ่งทางเดินนี้จะเปิดในหน้าร้อน พค ถึง ตค  (และปิดในหน้าหนาว)

            มีเทศกาล  Onibi no Michi  หรือ เทศกาลทางเดินแห่งไฟของปีศาจ  ในเดือน มิย ถึง สค ด้วย ทางเดินจะประดับไปด้วยไฟ มีการจุดดอกไม้ไฟสวยงาม

เลยไปหน่อยจะมี ทะเลสาป Oyunuma ที่เป็นทะเลสาปน้ำร้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Noboribetsu  Bear Park 



ศูนย์อนุรักษ์หมีสีน้ำตาลแห่งนี้ รวบรวมหมีสีน้ำตาลมากมาย ในบรรยากาศแบบจำลอง ดูความแสนรู้และการแสดงความสามารถของหมีสีน้ำตาลที่นี่

เปิด  กพ ถึง มีค 08.30 - 16.00  เมย ถึง มิย และ ตค เปิด 08.30 - 16.30 น.
2,520 เยน
จากสถานีรถบัส Noboribetsu Onsen ข้ามถนนไปยังเนิน Ropeway แล้วนั่งขึ้นไป Bear Park ด้านบน


Noboribetsu Date  Jidaimura



หมู่บ้านจำลองสมัยเอโดะโบราณของญี่ปุ่น เหมือนหลุดไปในหนังซามุไร นินจาอะไรอย่างนั้น ทั้งบรรยากาศบ้านพัก ร้านอาหาร หอสังเกตการณ์  น่าลองไปดูสักครั้ง




ค่าเข้า  2,900 เยน  
นั่งรถบัสสาย  Donan Bus จาก  JR Noboribetsu-Jidaimura หรือ  รถไฟ JR Noboribetsu - Sanai Byoin Mae  8 นาที  เดินต่อ 10 นาที




แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองโนโบริเบ็ตสึ






โปรโมชั่นของ การบินไทย ไป ญี่ปุ่น (ไป 2 ท่าน ถูกกว่า)

โปรโมชั่นของ การบินไทย ไป ญี่ปุ่น  (ไป 2 ท่าน  ถูกกว่า)


โปรเอาใจคนมีแฟนของการบินไทย (คนโสดไม่ดีตรงไหน ... ทำไมนะทำไม ... 555)  ใครไม่มีคู่หาคู่ด่วนนะครับ ถูกลงจริงจัง



ตามไปจองได้ที่

http://www.thaiairways.com/th_TH/plan_my_trip/Special_fare/special_fare.page?offerType=specialFare&pageNo=1


และหากจองผ่านบัตร VISA ก็เจอกับโปรนี้เลย


Pro แรงจาก Air Asia วันสุดท้ายจ้า !!! .... ไปชมซากุระบาน หรือ ทุ่งลาเวนเดอร์ หรือ เล่นสกีที่ซัปโปโร ญี่ปุ่น รีบขว้างไว้

Pro แรงจาก Air Asia วันสุดท้ายจ้า !!! .... ไปชมซากุระบาน หรือ ทุ่งลาเวนเดอร์ หรือ เล่นสกีที่ซัปโปโร ญี่ปุ่น  รีบขว้างไว้




เปิดตัวแล้ว  สำหรับเส้นทางใหม่ ..... บินตรงจากไทยไปเมืองซัปโปโร (สนามบินชินซิโตะเสะ) ประเทศ ญ๊่ปุ่น  เริ่ม 1 May 2015   ด้วยราคาแรง เริ่มต้น 4,990 บาท  .... โอ๊ะ โอ๊ย หางแดง ทำร้ายจิตใจกันได้ขนาดนี้   .... อยากไปรีบจอง ไปดูซากุระพฤษภาคมนีเลย หรือเลยไปหน่อยเป็นช่วงลาเวนเดอร์หน้าใบไม้ผลิ หรือ ลากยาวไปปีใหม่ หรือเทศกาลหิมะปลายปีหน้าเลย

ช่วงเวลาจอง             16 - 22 กุมภาพันธ์ 58 นี้เท่านั้น
ช่วงเวลาเดินทาง      1 พฤษภาคม 58 ถึง 30 มิถุนา 59

รีบๆกันเลยครับบบบบบบบบบบ

ผมลอง Search ไปชมซากุระ ต้นพฤษภาคมนี้เลย ราคารวม 9,620 บาท  ทำได้ไงเนี่ย ... ถูกมาก





มี Direct Flight จากไทยเลยหลายสนามบิน น่าสนใจมากครับ



ทางไปจอง

Skyscanner เผยเคล็ดลับจองตั๋วเครื่องบินเส้นทางยอดนิยมในราคาที่ประหยัดที่สุด


Skyscanner เผยเคล็ดลับจองตั๋วเครื่องบินเส้นทางยอดนิยมในราคาที่ประหยัดที่สุด สถานที่ที่เหมาะสม ช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อราคาที่ดีที่สุด





นอกจากแถวตรวจคนเข้าเมืองที่ยาวเหยียดและการจราจรคับคั่งในสนามบินแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้นักเดินทางหงุดหงิดรำคาญใจมากที่สุด ก็คือราคาของตั๋วเครื่องบินที่เพิ่งจองไปปรับลงหลังจากจองไปเพียงไม่กี่วัน ด้วยเหตุนี้ Skyscanner เสิร์ชเอ็นจิ้นและแอพค้นหาตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พักและรถเช่า พร้อมที่จะช่วยให้นักเดินทางสามารถจองตั๋วเครื่องบินได้ในราคาที่ประหยัดและคุ้มค่าที่สุด ด้วยสูตรสำเร็จที่ช่วยคาดการณ์ว่าช่วงเวลาใดเหมาะแก่การจองตั๋วเครื่องบินมากที่สุด

หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลเที่ยวบินกว่า 250 ล้านเที่ยวบิน Skyscanner พบว่า 19 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบิน โดยจะสามารถประหยัดราคาค่าตั๋วเครื่องบินได้ประมาณร้อยละ 8 ของราคาปกติ

ผลลัพธ์จากข้อมูลที่ Skyscanner ได้ทำการวิเคราะห์ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ยังชี้ให้เห็นว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุดแตกต่างกันไปในแต่ละจุดหมายปลายทาง ยกตัวอย่างเช่น ช่วงเวลาที่ดีสุดในการจองตั๋วเครื่องบินไปประเทศจีน คือ 15 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง ในขณะที่ถ้าจะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา ควรจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า 20 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง นอกจากนี้ ข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่าเดือนพฤศจิกายนคือเดือนที่ประหยัดที่สุดในการเดินทาง โดยสามารถประหยัดราคาตั๋วเครื่องบินไปได้ถึงร้อยละ 5.5 ของราคาปกติ

นางสาวเกรซ ภพปภา อารีรัตน์ ผู้จัดการพัฒนาตลาดประเทศไทยของ Skyscanner กล่าวถึงเคล็ดลับการจองตั๋วเครื่องบินว่า “ยิ่งจองตั๋วเครื่องบินเร็วเท่าใด ราคาก็จะยิ่งถูกลงมากเท่านั้น”

“ในแต่ละปี นักเดินทางหลายล้านคนใช้เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของ Skyscanner ในการค้นหาและจองตั๋วเครื่องบินเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด ข้อมูลดังกล่าวทำให้เราวิเคราะห์ได้ว่าช่วงเวลาใดคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางจากประเทศไทย ไปยังจุดหมายปลายทางต่างประเทศยอดนิยม” นางสาวเกรซ อธิบาย

“หากวิเคราะห์จากสถิติตัวเลข เราพบว่าหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ประหยัดที่สุดคือหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักเดินทางไทยนั่นเองคือ สิงคโปร์ และช่วงเวลาที่ดีสุดในการจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดไปสิงคโปร์ คือประมาณ 15 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง โดยสามารถประหยัดราคาตั๋วเครื่องบินไปได้ถึงร้อยละ 20 และเดือนที่ประหยัดที่สุดในการเดินทาง คือเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นหนึ่งในเดือนที่ร้อนและชื้นที่สุด ดังนั้นจึงควรใช้เวลาในสิงคโปร์ไปกับการช้อปปิ้ง ตากแอร์เย็นในห้างสรรพสินค้า เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ

“อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางต่างประเทศยอดฮิตของนักเดินทางไทยคือ ประเทศออสเตรเลีย ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดเพื่อไปดูหมีโคอาลาคือ 18 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง โดยคุณจะสามารถประหยัดราคาตั๋วเครื่องบินไปได้ถึงร้อยละ 13 อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าเดือนมกราคมคือช่วงเวลาเดินทางที่ตั๋วเครื่องบินมีราคาแพงที่สุด เพราะเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่”

“วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้คุณไม่พลาดราคาตั๋วเครื่องบินสุดคุ้ม คือลงทะเบียน บริการแจ้งเตือนราคาตั๋วเครื่องบิน ของ Skyscanner ที่จะแจ้งให้ผู้ใช้งานรู้ล่วงหน้าเมื่อราคาตั๋วเครื่องบินในเส้นทางที่ต้องการปรับลดลง ผ่านทางอีเมล ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถค้นหาช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบิน และได้ราคาที่ประหยัดที่สุด”


จุดหมายปลายทางต่างประเทศยอดนิยม 10 แห่งของนักเดินทางที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และช่วงเวลาที่ดีสุดในการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อให้ได้ราคาสุดคุ้ม มีดังนี้




อ่านเทคนิคค้นหาตั๋วเครื่องบินในราคาที่คุ้มที่สุดได้ที่http://www.skyscanner.co.th/news/เทคนิคค้นหาตั๋วเครื่องบินสุดคุ้ม 


ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมหรือค้นหาแรงบันดาลใจในการเดินทางได้ที่www.skyscanner.co.th (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) หรือ ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นสำหรับไอโฟนหรือแอนดรอยด์ 

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก มติชนออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รู้จักชื่อซูชิหน้าต่างๆกัน


รู้จักชื่อซูชิหน้าต่างๆกัน









อาหารญี่ปุ่นกลายเป็นอาหารยอดนิยมตลอดกาลสำหรับนักชิมชาวไทยไปเสียแล้วค่ะ แทบจะพูดได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก “ซูชิ หรือ ข้าวปั้น” เมนูยอดนิยมในร้านอาหารญี่ปุ่นทั้งเล็กใหญ่ และเนื่องจากอาหารประเภทซูชินั้นมีพัฒนาการมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยเฮย์อัน (ราวปี ค.ศ. 927) ด้วยพัฒนาการที่ยาวนานและความสร้างสรรค์ของเชฟในยุคสมัยต่างๆ สั่งสมมา เมนูซูชิที่เราพบเห็นกันทั่วไปในปัจจุบันจึงมีความหลากหลายอย่างมาก วันนี้ OpenRice จะพาเพื่อนนักชิมไปทำความรู้จักซูชิประเภทต่างๆ กันให้ลึกซึ้งขึ้นอีกสักนิด ให้สมกับความเป็นกูรูนักกินของพวกเรา (^0^)//

นาเระซูชิ (Nare Sushi)
นาเระซูชิถือเป็นต้นกำเนิดของซูชิทั้งมวล โดยเป็นการนำปลา ข้าวสวย และเกลือมาหมักจนเกิดข้าวหมักและปลารสเปรี้ยว ซึ่งวิธีการหมักปลาเช่นนี้ ว่ากันว่าได้รับอิทธิพลมาจากอาหารบริเวณลุ่มน้ำโขงเรานี่เอง (ใกล้เคียงกับปลาส้ม) ปัจจุบัน นาเระซูชิที่ยังพบเห็นอยู่ ได้แก่ ฟุนะซูชิ ซึ่งจะใช้ปลาฟุนะหมักกับข้าว แม้จะมีกลิ่นเหม็นมาก แต่ถือเป็นอาหารหรู ราคาแพงไปแล้วในปัจจุบัน
 
นิกิริซูชิ (Nigiri Sushi)
ซูชิที่พวกเราคุ้นเคยกันมากที่สุด ใช้ข้าวผสมกับน้ำส้มสายชูปั้นเป็นก้อนรีแล้ววางเนื้อปลาไว้ด้านบน อาจป้ายวาซาบิไว้ที่เนื้อปลาเพื่อเพิ่มรสชาติ หัวใจหลักที่สำคัญที่สุดสำหรับนิกิริซูชิที่ดี ปริมาณข้าว รสชาติข้าว วาซาบิหรือซอสต่างๆ และปริมาณเนื้อปลาต้องสมดุลกัน เพื่อรสชาติที่ดีที่สุด ถือเป็นศาสตร์การปรุงอาหารที่ต้องฝึกฝนอย่างยาวนาน
 
มากิซูชิ (Maki Sushi)
มากิซูชิ หรือ ข้าวปั้นห่อสาหร่ายที่หลายคนติดอกติดใจ หรือเรียกอีกชื่อว่าซูชิโรล ถือเป็นซูชิสไตล์ใหม่จากการเผยแพร่วัฒนธรรมการกินซูชิสู่สหรัฐอเมริกาจนทำให้เกิดการปรับปรุงรูปแบบซูชิให้เข้ากับชาวตะวันตก วิธีการม้วนมากิซูชินั้น จะมีทั้งที่สาหร่ายอยู่ด้านนอกและสาหร่ายอยู่ด้านใน ซูชิโรลที่ฮ็อทฮิตที่สุดหนีไม่พ้น แคลิฟอเนียโรล
 
เตมากิซูชิ (Temaki Sushi)
ซูชิประเภทนี้มีความคล้ายคลึงกับมากิซูชิ แต่จะต่างกันตรงที่เชฟจะห่อข้าวซูชิและไส้ต่างๆ ด้วยสาหร่ายกรอบให้เป็นรูปกรวย เพื่อให้ถือรับประทานได้ง่าย เป็นที่มาของคำว่า Temaki (Te แปลว่า มือ) และในภาษาอังกฤษจะเรียกมากิชนิดนี้ว่า Hand Roll หรือซูชิโรลมือถือนั่นเอง
 
กุงกังซูชิ (Gunkan Sushi)
ซูชิที่ใช้สาหร่ายพันรอบข้าวแล้วโปะหน้าซูชิต่างๆ ไว้ด้านบน กุงกังซูชิเกิดขึ้นจากความต้องการทำซูชิจากวัตถุดิบแบบใหม่ๆ อย่างไข่กุ้ง อิคุระ หรือไข่หอยเม่น ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ไม่เป็นชิ้น ไม่เกาะเป็นก้อน ทำให้ต้องใช้สาหร่ายในการช่วยพยุงเอาไว้ สำหรับคำว่า กุงกัง นั้นหมายถึงเรือรบ เนื่องจากหน้าตาของซูชิแบบนี้ดูคล้ายเรือรบนั่นเอง
 
ชิราชิซูชิ (Chirashi Sushi)
ซูชิประเภทนี้ชาวไทยรู้จักกันในนาม “ข้าวหน้าปลาดิบ” แต่อันที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นปลาดิบก็ได้ หัวใจสำคัญคือการใช้ข้าวซูชิ หรือข้าวสวยคลุกน้ำส้มใส่ชามไว้ แล้วเลือกท้อปปิ้งด้วยเนื้อปลาชนิดต่างๆ หลากหลายประเภทตามแต่พื้นที่ ไข่หวาน อะโวคาโด หรือผักต่างๆ ตามชอบ
 
โอชิซูชิ (Oshi Sushi)
ซูชิกดในแบบคันไซ ซึ่งจะนำเอาข้าวซูชิและปลาดิบเรียงลงในกล่องแล้วกดทับให้แน่น หน้าตาโอจิซูชิอาจดูคล้ายกับนิกิริซูชิ แต่จะต่างกันที่กรรมวิธีการทำ ที่จะใช้การกดข้าวให้แน่นแทนการปั้น ซูชิจะมีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยม เพราะเกิดจากการอัดเป็นแท่งยาวแล้วถูกตัดแบ่งให้เป็นชิ้นพอดีคำ
 
อินาริ (Inari Sushi)
อินาริซูชิหรือซูชิเต้าหู้หวาน เป็นการนำข้าวซูชิปรุงรสมายัดลงในเต้าหู้ทอดที่มีลักษณะเป็นถุง ชื่ออินารินั้นตั้งตามชื่อของเทพอินาริในตำนานของญี่ปุ่นที่มีความเชื่อกันว่าโปรดปรานเต้าหู้ทอดเป็นที่สุด