รีวิว : ฮาโกะดาเตะ Hakodate
พอเราไปถึงสนามบินซินซิโตะเซะ เราต้องรีบเอาบัตร Exchange Voucher
ไปแลกบัตร JR Hokkaido pass ที่ JR Information Desk
เพราะเป็นหมายของเราในคืนนี้ คือ เมือง Hakodate ซึ่งต้องนั้่งรถไฟต่อจากเมืองชิโตเสะไปอีก
หลังได้บัตร JR Hokkaido Pass แล้ว เราก็รี่ไปจอง Reserved ที่นั่งรถไฟ
จากชินชิโตเซะ ไป ฮาโกะดาเตะกัน (จองตั๋วโดยที่สัญลักษณ์เก้าอี้เขียว นะครับ) ....
โดยต่อแรกเราต้องนั่งรถไฟสาย Local เช่น Chitose Line หรือ Rapid Airport Line ออกจากสนามบินชิโตเซะ ไป มินามิชิโตเซะ Minami Chitose ก่อน (รถ local ไม่ต้อง Reserved นะครับ )
เพื่อไปต่อรถไฟสาย Limited Express Hokuto ไป Hakodate กัน (Reserved ต่อที่ 2 นั่นเอง)
ตามแผนผังข้างล่าง ใช้เวลา 3 ชั่วโมงเศษ จะได้นั่งกันสบายหน่อย ....
สำหรับผูมี JR pass สามารถจองที่นั่งได้ฟรีครับ
อุปสรรคน่าจะหมดไปแล้วเมื่อถึงญี่ปุ่นใช่ไหม ? .....
แต่เหมือนพระเจ้าต้องการลองใจนักเดินทางในทริปนี้ ว่าไหวกันไหมสู้กันไหวไหม ....
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ที่นั่งบนรถไฟสาย Hokuto เต็มหมด
ทุกที่นั่งไม่สามารถ Reserved ที่นั่งให้เราได้ ....
เราต้องขึ้นตู้ Non-Reserved ซึ่งมีอยู่ 2 ตู้ คือ ตู่ที่ 6 และ ตู้ที่ 7 เท่านั้น ....
โดยเราต้องยืนไปก่อน แล้วระหว่างทางหากมีคนลงจากรถไฟไป
เราก็แย่งกันนั่งกับผู้โดยสารรายอื่นๆเอาทีหลัง
ตายละว้า ... ยืนบนรถไฟญี่ปุ่น 3 ชั่วโมง !!!! ....
ครั้งแรกอีกแล้ว ไม่เคยเลย ... บร๊ะเจ้า !!
ยังไงต้องไป เพราะจองที่พักไว้แล้วที่ฮาโกะดาเตะ .... ยืนก็ยืน เฮ้ยย ....
พอรถ Hokuto มาจอดเราแทบช็อกกก .... นอกจากจะไม่มีที่นั่งแล้ว
คนยังแน่นทะลักล้นประตูรถไฟออกมาเลย ....
เราไม่สามารถขึ้นตู้ 6-7 ได้ตามที่หวัง .... คงไม่สามรถอัดเข้าไปได้อีกแล้ว ทำไงดี ....
ถ้าจะรอรถไฟรอบใหม่ก็ต้องรออีก 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว ....
หันไปมองหน้านายสถานี เค้ารีบเป่านกหวีด
แล้วกวักมือให้เรารีบวิ่งไปที่รถตู้ Reserved คือ ตู้ 2-3-4 แทน ....
เราต้องลากกระเป๋าวิ่ง 4x100 เมตร รีบแย่งดันตัวกันขึ้นบนรถไฟ
ก่อนที่ประตูรถไฟจะปิดตัวลง .... ขึ้นมาได้ทันทั้ง 12 คน ....
เฮ้ย โล่งอก
บนรถไฟเราต้องหาที่ยืนตรงหัวและท้ายตู้รถไฟเท่านั้น ....
โดยเราไม่สามารถไปยืนตรงตัวที่นั่งรถไฟได้เลย
เพราะเป็นตู้ที่ต้อง Reserved เท่านั้น
และด้วยทางเดินที่แคบ และจะมีนายสถานีคอยเดินตรวจตั๋ว
แล มียังมีรถเข็นขายของอีก ....
ก็เป็นอันต้องยืนกันไป ....
น้องผมซึ่งคงเพลียจากการโดยสารเครื่องบินมา 6 ชั่วโมง
มาต่อด้วยการยืนบนรถไฟต่ออีก 3 ชั่วโมง
คงเพลียมากจนเผลอยืนหลับไป
ไม่นานก็ต้องยอมนั่งกับพื้นเพิื่อการหลับที่มีคุณภาพ 555
แหละแล้ว เราก็เดินทางมาถึง Hakodate แล้ว .... นี่ก็บ่าย 3-4 แล้ว
ใกล้มืดมากแล้ว เราคงต้องรีบไปเก็บกระเป๋าที่โรงแรม
ซึ่งครั้งนี้คือ รร. Loisir Hotel ออกจากสถานีอยู่ขวามือเลย สบายมาก
(โชคดีไม่จอง รร. ที่ต้องต่อรถไปไหนอีก ไม่งั้นโดยด่าเปิงแน่ 555)
เสร็จแล้วเรารีบไปขึ้นรถบัสที่ป้ายที่ 4 หน้าสถานีรถไฟฮาโกะดาเตะ
รอรถสายที่ไป Hakodate Ropeway เพื่อจะนั่งกระเช้าขึ้นไปชมความงามของอ่าวฮาโกะดาเตะ
นั่งรถไปไม่เกิน 20 นาที รถมาจอดที่สถานี Ropeway แล้ว ...
สิ่งที่เราคาดว่าจะได้เห็นที่ Mount Hakodate Ropeway
เรารีบวิ่งขึ้นไปซื้อตั๋วตั้งใจจะขึ้นไปชมวิวด้านบน ...
แต่ขณะนั้น หิมะเริ่มตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ อากาศเย็นยะเยือก หมอกหนามาก ...
เจ้าหน้าที่ที่ห้องขายตั๋วน่ารักมากครับ ติดป้ายแจ้งว่า
"เนื่องจากอากาศตอนนี้เมฆมาก หมอกหนา คุณสามารถขึ้น Ropeway ได้ตามปกติ
ไม่ได้ปิด แต่พอขึ้นไปแล้ว อาจไม่สามารถเห็นวิวแบบที่มิลชาลิน 3 ดาวเห็นได้
จะยังคงยืนยันจะขึ้นไปกันอีกไหม"
.... เราเลยตัดสินใจไม่ขึ้นดีกว่าเพราะหมอกหนาจริงๆ 555 ..... อดเห็นอีกแหละ
หมอกเยอะจริงๆ นะ อดขึ้นไปเลย
เราตัดสินใจไป Bay Area แทน เพราะอยากชมบรรยากาศริมทะเล
วิวยุโรปในเมืองซามุไรที่สวยงามที่หมายมั้นตั้งใจรอเราอยู่
แต่ด้วยตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 6 โมงเย็นในฤดูหนาว
ท่ามกลางหิมะที่ตกต้อนรับทีมเรา ...
วิว Bay Area ที่อยากให้เห็นก็ไม่เห็นดังใจหวังซะอีก ....
เดินจนถึงโกดังแดง Red Warehouse ก็หมดแรงเดิน ...
หันเหลือบไปเห็นร้านชื้อดัง Lucky Pierrot และ ร้าน ฮาเซะกะวะ
อยู่ติดกัน ก็ขอฝากมื้อเย็นไว้ที่นี่เลยหล่ะกัน
เป็นอันวันแรกของทริปนี้ต้องปิดฉากลงที่ร้านอาหาร
หลังจากนั้นเรานั่งแท็กซี่กลับไปโรงแรมเพื่อพักผ่อน
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางกันมากแล้ว .....
พรุ่งนี้เรามีนัดที่ตลาดเช้า Asaichi Morning Market ในตอนเช้ากัน
แล้วต้องเดินทางต่อไปเมืองนิเซโกะสกีรีสอร์ทกันครับ