วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2558

รีวิว : ฮาโกะดาเตะ Hakodate

รีวิว : ฮาโกะดาเตะ Hakodate 


พอเราไปถึงสนามบินซินซิโตะเซะ เราต้องรีบเอาบัตร Exchange Voucher 
ไปแลกบัตร JR Hokkaido pass ที่ JR Information Desk  
เพราะเป็นหมายของเราในคืนนี้ คือ เมือง Hakodate ซึ่งต้องนั้่งรถไฟต่อจากเมืองชิโตเสะไปอีก 








หลังได้บัตร JR Hokkaido Pass แล้ว เราก็รี่ไปจอง Reserved  ที่นั่งรถไฟ
จากชินชิโตเซะ ไป ฮาโกะดาเตะกัน (จองตั๋วโดยที่สัญลักษณ์เก้าอี้เขียว นะครับ) .... 

โดยต่อแรกเราต้องนั่งรถไฟสาย Local เช่น Chitose Line หรือ Rapid Airport Line ออกจากสนามบินชิโตเซะ  ไป มินามิชิโตเซะ Minami Chitose ก่อน (รถ local ไม่ต้อง Reserved นะครับ )  

เพื่อไปต่อรถไฟสาย Limited Express Hokuto ไป Hakodate กัน  (Reserved ต่อที่ 2 นั่นเอง)
ตามแผนผังข้างล่าง ใช้เวลา 3 ชั่วโมงเศษ จะได้นั่งกันสบายหน่อย .... 
สำหรับผูมี JR pass สามารถจองที่นั่งได้ฟรีครับ




อุปสรรคน่าจะหมดไปแล้วเมื่อถึงญี่ปุ่นใช่ไหม ?  ..... 
แต่เหมือนพระเจ้าต้องการลองใจนักเดินทางในทริปนี้ ว่าไหวกันไหมสู้กันไหวไหม ....

เจ้าหน้าที่แจ้งว่า  เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์  ที่นั่งบนรถไฟสาย Hokuto เต็มหมด
ทุกที่นั่งไม่สามารถ Reserved ที่นั่งให้เราได้ .... 

เราต้องขึ้นตู้ Non-Reserved ซึ่งมีอยู่ 2 ตู้ คือ ตู่ที่ 6 และ ตู้ที่ 7 เท่านั้น .... 
โดยเราต้องยืนไปก่อน แล้วระหว่างทางหากมีคนลงจากรถไฟไป 
เราก็แย่งกันนั่งกับผู้โดยสารรายอื่นๆเอาทีหลัง


ตายละว้า ... ยืนบนรถไฟญี่ปุ่น 3 ชั่วโมง !!!! .... 

ครั้งแรกอีกแล้ว ไม่เคยเลย ... บร๊ะเจ้า !!  

ยังไงต้องไป เพราะจองที่พักไว้แล้วที่ฮาโกะดาเตะ .... ยืนก็ยืน เฮ้ยย  .... 

พอรถ Hokuto มาจอดเราแทบช็อกกก .... นอกจากจะไม่มีที่นั่งแล้ว  
คนยังแน่นทะลักล้นประตูรถไฟออกมาเลย .... 

เราไม่สามารถขึ้นตู้ 6-7 ได้ตามที่หวัง .... คงไม่สามรถอัดเข้าไปได้อีกแล้ว ทำไงดี .... 
ถ้าจะรอรถไฟรอบใหม่ก็ต้องรออีก 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว .... 
หันไปมองหน้านายสถานี เค้ารีบเป่านกหวีด 
แล้วกวักมือให้เรารีบวิ่งไปที่รถตู้ Reserved คือ ตู้ 2-3-4 แทน .... 
เราต้องลากกระเป๋าวิ่ง 4x100 เมตร รีบแย่งดันตัวกันขึ้นบนรถไฟ
ก่อนที่ประตูรถไฟจะปิดตัวลง .... ขึ้นมาได้ทันทั้ง 12 คน  .... 
เฮ้ย โล่งอก

บนรถไฟเราต้องหาที่ยืนตรงหัวและท้ายตู้รถไฟเท่านั้น .... 

โดยเราไม่สามารถไปยืนตรงตัวที่นั่งรถไฟได้เลย 
เพราะเป็นตู้ที่ต้อง Reserved เท่านั้น 

และด้วยทางเดินที่แคบ และจะมีนายสถานีคอยเดินตรวจตั๋ว
แล มียังมีรถเข็นขายของอีก   .... 
ก็เป็นอันต้องยืนกันไป  .... 

น้องผมซึ่งคงเพลียจากการโดยสารเครื่องบินมา 6 ชั่วโมง 
มาต่อด้วยการยืนบนรถไฟต่ออีก 3 ชั่วโมง
คงเพลียมากจนเผลอยืนหลับไป  
ไม่นานก็ต้องยอมนั่งกับพื้นเพิื่อการหลับที่มีคุณภาพ 555







แหละแล้ว เราก็เดินทางมาถึง Hakodate แล้ว .... นี่ก็บ่าย 3-4 แล้ว 
ใกล้มืดมากแล้ว เราคงต้องรีบไปเก็บกระเป๋าที่โรงแรม 
ซึ่งครั้งนี้คือ รร. Loisir Hotel ออกจากสถานีอยู่ขวามือเลย สบายมาก 
(โชคดีไม่จอง รร. ที่ต้องต่อรถไปไหนอีก ไม่งั้นโดยด่าเปิงแน่ 555)



เสร็จแล้วเรารีบไปขึ้นรถบัสที่ป้ายที่ 4 หน้าสถานีรถไฟฮาโกะดาเตะ
รอรถสายที่ไป  Hakodate Ropeway เพื่อจะนั่งกระเช้าขึ้นไปชมความงามของอ่าวฮาโกะดาเตะ
 นั่งรถไปไม่เกิน 20 นาที รถมาจอดที่สถานี Ropeway แล้ว ...







สิ่งที่เราคาดว่าจะได้เห็นที่ Mount Hakodate Ropeway




 เรารีบวิ่งขึ้นไปซื้อตั๋วตั้งใจจะขึ้นไปชมวิวด้านบน ... 

แต่ขณะนั้น หิมะเริ่มตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ อากาศเย็นยะเยือก หมอกหนามาก ... 
เจ้าหน้าที่ที่ห้องขายตั๋วน่ารักมากครับ ติดป้ายแจ้งว่า 
"เนื่องจากอากาศตอนนี้เมฆมาก หมอกหนา   คุณสามารถขึ้น Ropeway ได้ตามปกติ 
ไม่ได้ปิด แต่พอขึ้นไปแล้ว อาจไม่สามารถเห็นวิวแบบที่มิลชาลิน 3 ดาวเห็นได้ 
จะยังคงยืนยันจะขึ้นไปกันอีกไหม"

.... เราเลยตัดสินใจไม่ขึ้นดีกว่าเพราะหมอกหนาจริงๆ 555 ..... อดเห็นอีกแหละ 




หมอกเยอะจริงๆ นะ อดขึ้นไปเลย



เราตัดสินใจไป Bay Area แทน เพราะอยากชมบรรยากาศริมทะเล 

วิวยุโรปในเมืองซามุไรที่สวยงามที่หมายมั้นตั้งใจรอเราอยู่







 แต่ด้วยตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 6 โมงเย็นในฤดูหนาว 
ท่ามกลางหิมะที่ตกต้อนรับทีมเรา ...

 วิว Bay Area ที่อยากให้เห็นก็ไม่เห็นดังใจหวังซะอีก .... 
เดินจนถึงโกดังแดง Red Warehouse ก็หมดแรงเดิน ...

 หันเหลือบไปเห็นร้านชื้อดัง Lucky Pierrot และ ร้าน ฮาเซะกะวะ 
อยู่ติดกัน ก็ขอฝากมื้อเย็นไว้ที่นี่เลยหล่ะกัน 




















เป็นอันวันแรกของทริปนี้ต้องปิดฉากลงที่ร้านอาหาร 

หลังจากนั้นเรานั่งแท็กซี่กลับไปโรงแรมเพื่อพักผ่อน
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางกันมากแล้ว ..... 

พรุ่งนี้เรามีนัดที่ตลาดเช้า Asaichi Morning Market ในตอนเช้ากัน
แล้วต้องเดินทางต่อไปเมืองนิเซโกะสกีรีสอร์ทกันครับ






รีวิว : สายการบิน ANA ขาไป ทริป HOKKAIDO 2015 กับ ประสบการณ์ตกเครื่องครั้งแรกในชีวิต

รีวิว : สายการบิน ANA ขาไป  ทริป HOKKAIDO 2015 กับ  ประสบการณ์ตกเครื่องครั้งแรกในชีวิต


       กลับมาแล้ว หลังจากหนีไปอาบหิมะให้คลายร้อนเป็นเวลา 1 อาทิตย์ และก็หายไปอีก 1 อาทิตย์ กับ อาการ Jet Lag ตามภาษาวัยรุ่น 555 (หลับง่ายทุกวัน !!) ขอกลับมาเริ่มรีวิวตามหน้าที่ครับ

       เริ่มต้นที่สายการบิน ANA .... เป็นครั้งแรกของผมที่บินด้วย ANA มาญี่ปุ่น  (ครั้งก่อนๆไปโดย JAL / THAI / DELTA) ... เพราะมีโปรโมรชั่น บินจากไทยไปญี่ปุ่นโดยราคาโปรโมรชั่น ได้มาที่ราคาประมาณ 24,000 บาท Net Net  (ถือว่าไม่แพงสำหรับพวก  KOREAN AIR / CHINA ซืึ่งต้องต่อเครื่องเหมือนกันราคาก็ไม่ต่างกันมาก) โดยครั้งนี้เราต้องบินจาก สุวรรณภูมิไปแวะต่อเครื่องที่สนามบินฮาเนะดะ โตเกียวก่อน แล้วค่อยต่อเครื่องไปสนามบินซินซิโตเซะ เกาะฮอกไกโดต่อไป ....

      ที่สุวรรณภูมิเจ้าหน้าที่ Ground ANA แจ้งเราว่า มีผู้โดยสารท่านใดสนใจ จะบินตรงจากกรุงเทพไปซินซิโตเซะโดยตรงเลยไหม จะฝากไปกับไฟล์การบินไทย แล้วจะแถมตังค์ให้ 20,000 เยน ด้วย (ประมาณ 6,000 บาทไทย) .... เพราะอะไรนะหรอ ... เพราะไฟล์เรามัน Over Booked ที่นั่งล้นทะลัก ... เค้าเลยขอผู้กล้าสละเรือไปกับการบินไทยเพื่อเคลียร์ที่นั่งให้ท่านอื่น .... เรามองหน้ากันเหลิ้กหลั้ก เพราะเค้าให้แค่ 1 ท่านผู้กล้า .... แต่เรามา 12 ท่านแล้ว ไปไหนก็ต้องไปด้วยกัน จึงตอบปฎิเสธไปขอเดินทางไปด้วยกันดีกว่า .... (จริงๆ แอบเสียดายเงิน 20,000 เยนนะเนีย 555 )

      จากนั้น Ground ANA แจ้งเราว่า พอถึงฮาเนดะแล้ว คุณต้องไปเอากระเป๋าจากสายพานหนึ่งแล้วไปวางอีกสายพานของเครื่องบินไฟล์ในประเทศ ... ง่ายขนาดนั้น  เราถามย้ำว่า ... ต้องผ่าน ตม. ไหมที่ฮาเนะดะ ... เจ้าหน้าที่ย้ำว่า ไม่ต้องค่ะ  หึหึหึหึหึหึหึหึ

         เราเริ่มบินจาก BKK-HND สุวรรณภูมิไป สนามบินฮาเนดะ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่นก่อนในสเตปแรก โดยสเตปนี้ไม่มีอะไรตื่นเต้น คุ้นๆกันอยู่เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมงกว่า .... แต่ๆๆความตื่นเต้นรอท่านอยู่ข้างหน้า (ตอนนี้ยังไม่รู้ตัวสินะ .... การผจญภัยเริ่มต้นแล้ว 555)



       มาดูอาหารบนเครื่องบินกัน อย่างแรกแจกเป็นอาหารว่าง  แจกมาให้ันเป็นถุงวิเศษโดราเอมอยกันเลยทีเดียว  มีอะไรบ้างตามไปดูกัน


แกะออกมาเป็นขนมปังครัวซองค์ไม่มีไส้รสกลมกล่อมหอมเนย นี่ถ้าอุ่นเวฟให้หน่อยจะรักมากเลย   ต่อด้วยขนมคุกกี้ชนิดแข็งรสเรซิ่นลูกเกต นี่ยิ่งเด็ด  อิ่มท้องก่อนนอนกันเลยทีเดียว  แล้วก็ตบท้ายด้วยน้ำแร่ธรรมชาติที่เขียนสรรพคุณซะเว่อร์ .... ทำให้สดชื่น ลูกเรือตัวเบาสบายและแข็งแรง ต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการ Jet lag ทำให้มีแรงสู้โลกผจญภัยหลังจากที่ลงเครื่องไปแล้ว  นอกจากนั้นยังลดการสร้างก๊าซ คาร์บอนไดออกไซค์ CO2 ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนซะด้วย .... เว่อร์เกิ้นนน




สำหรับอาหารมื้อหลัง ได้รับแจกก่อนบินลง 1.30 ชั่วโมง  จำได้ว่าเป็น ไข่กวนออมเลต แต่ถ่ายรูปไม่ทันอ่ะ มันอยู่ในท้องหมดซะแล้ว 555

และแล้วเราก็บินมาถึง สนามบินฮาเนะด ที่นี่เรามีเวลาต่อเครื่องไม่นาน ประมาณไม่เกิน 1.30 ชั่วโมง เป็นครั้งแรกที่ฮาเนะดะ เพราะปกติไปแต่นาริตะ ... 

หลังลงจากเครื่องเราก็ต้องพบกันความอลหม่านเกิดขึ้น  เนื่องด้วยการที่เราจะไปต่อ Connecting Flight ในประเทศเพื่อบินจากโตเกียวไปสู่เกาะฮอกไกโด .... เพราะเราต้องผ่าน ตม. ตั้งแต่ที่ฮาเนะดะเลย ..... ตายละว้า ... ใบเข้าเมืองก็ยังไม่ได้เขียน ใบศุลกากรก็ยังไม่ได้เขียน!!!!   ก็ไหนบอกว่ายังไม่ต้องผ่าน ตม. ไง .... ยุ่งแหละ ต้องมากรอกเอกสาร ตม. เข้าเมืองและใบศุลกากร ของสมาชิก 12 ท่าน .... ที่สนามบิน อลหม่านมากครับ ... แถมนักท่องเที่ยวที่หน้าด่าน ตม. ก็มากมายมหาศาล ไหลมาเทมา ..... ปั่นใบไปใจเต้นตุ๊บๆๆๆ แล้วจะทันเครื่องบินเที่ยวต่อไหมเนี่ย ... จะต้องบินต่อไฟล์ 8 โมง .... 7.20 น. ยังไม่ผ่าน ตม. เลย ..... โอ้ยๆๆๆๆ

แหละแล้วเราก็เดินผ่าน ตม. มาได้โดยดุษฎี แม่จะใช้เวลาอยู่บ้าง .... เดินมารับกระเป๋าที่สายพาน มี Ground ANA ที่ Haneda 2 ท่าน ถือเครื่องวอร์สื่อสารในมือ  หน้าตายิ้มแย้ม สุภาพอ่อนโยนตามแบบฉบับบญี่ปุ่น ไฮ้ๆ อะริกาโต๊ะ  มาเพื่อมารับเราทั้ง 12 ท่านโดยเฉพาะ สเปเซี่ยลมากๆๆ 55 .... เธอแจ้งว่า จะพาเรารีบไปเพื่อต่อเครื่องไปฮอกดไกโด (โห มีมาตามตัวด้วย ... สุดยอด ปลื้มๆๆๆๆ)

แต่มีปัญหาอีก เนื่องจาก ตอนผ่านศุลกากร ลุงผมไม่ได้กรอกใบแสดงศุลกากร ...เพราะคิดว่าไม่มีอะไรต้อง Declared และก็มาเป็นกลุ่มเดินตามกันไปได้ ...  ซึ่งปกติ ตรงจุดนี้ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร .... ปรากฎคุณลุงศุลกากรคุงดันไม่ยอมให้ผ่าน !!!  ไล่ให้ไปกรอกใบศุลกากรอีกที .ไม่พอพอกรอกเสร็จ คุณลุงศุลกากรคุงคนเดิมก็มาตรวจรื้อกระเป๋าลุงผมเปิดตรวจอย่างละเอียดละออ ..... ต๊ายๆๆๆๆ อยากจะบอกเค้าว่า  ตรูจะตกเครืองแล้วนะมรึง ช่วยตรวจเร็วๆ หน่อย ... ผมกับลุงติดกันที่ศุลกากรประมาณ 15 นาที ตอนนนี้ก็ 7.45 แล้ว .... ตื่นเต้นเป็นที่สุด

หลังผ่านศุลกากร เราออกมาต้องพบว่า  ... เราต้องต่อ Connecting Shutter Bus เพื่อเปลี่ยนไปสู่สายการบินในประเทศ  หรือ Domestic Terminal .... โอ้ๆๆๆ .... นั่นแหละ ทันใดนั้น Ground ANA ผู้ประดุษนางฟ้ามาจุติคนเดียว กลายร่างเป็นนางมารร้ายทันใด ชักสีหน้าเคร่งเครียด........... เธอถามทีมเราว่า ... ทำไมผ่าน ตม กันช้าจัง ? ไปไหนกันหมด ? ใครไปไหน ทำอะไร?  ... จะตกเครื่องกันอยู่แล้ว  ....พอรถบัสมาถึง เธอส่งเราขึ้นรถบัสเสร็จ .... เราได้ยินเธอบอกว่า Next Flight  ? / Next Flight?  .... มองนาฬิกาก็เข้าใจได้ .... ตรูตกเครื่องแล้วแน่เลย 555

มาถึง Domestic Terminal เราส่งตัวแทน 2 คน รีบวิ่งแจ้นไปหา Ground ANA ว่า  "ยูมิซัง เราจะตกเครื่องกันแล้ว อีก 5-10 นาทีเครื่องจะ Take off แล้ว"  .... เธอถามเราจะโหลดกระเป๋าไหม เราบอกไม่ก็ได้  อยากบินเลย เอาไงก็เอาจ้า  .... เธอผายมือให้เข้า ตม ช่องทางด่วนพิเศษสำหรับคนตกเครื่องทันที .... แต่ๆ เดี๋ยวก่อนเรามี 12 คน  ไม่ใช่ 2 คนยูมิซัง ....เห็นดังนั้น หน้าซีด ... เธอบอกว่างั้นคงไม่ทันแล้วหละ .... คุณต้องรอไฟล์ไหมนะ ถัดไปอีกทีรอบ 9 โมงเช้า เธอจะเปลี่ยนไฟล์และที่นั่งให้ทั้งหมด ... ฟรี !!!! ..(มันเยิี่ยมตรงนี้ .... เป็นความผิดผมส่วนหนึ่งที่เลือกสายการบิน connecting flight ที่มี Transit Time ชิดกันเกินไป 1.30 ชั่วโมงคิดว่าทัน   แต่สายการบินก็รับผิดชอบให้ เพราะเค้าก็พยายามจะทำให้เราต่อเครื่องทันแล้ว แต่ติดปัญหามากมาย เค้าเลยเปลี่ยนเครื่องให้เรา .... ตรงนี้ซาบซึ้งใจ Ground ANA at Haneda Airport มา ณ ที่นี่นะครับ .... Thank you Three Times)





และแล้วเราก็ได้ตั๋วใหม่  และบินสู่เกาะฮอกไกโดอย่างปลอดภัย

เป็นประสบการณ์ตกเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต .... ตกคนเดียวคงไม่เป็นไร นี่พาลุงป้าน้าอาพ่อแม่พี่น้องมาตกระกำลำบากด้วย โชคดีผ่านลุล่วงไปได้โดยดี .... นึกว่าต้องนอนค้างสนามบินฮาเนดะซะแต่วันแรกแล้ว สู้ๆๆๆๆ



ตอนนี้แค่นี้ก่อน แต่การผจญภัยเพิ่งริ่มต้นนะครับ หึหึหึ ยังอีกหลายด่าน 5555